คนคอเล่า - Hana & Alice - โปรดอย่าท้าทายหัวใจ - WriteNow Mag(old)

Pinterest

test banner

Post Top Ad

Responsive Ads Here

คนคอเล่า - Hana & Alice - โปรดอย่าท้าทายหัวใจ

Share This


Hana & Alice - โปรดอย่าท้าทายหัวใจ
ชื่อภาษาไทย : สองหัวใจหนึ่งความทรงจำ
ปีที่ออกฉาย ค.ศ. 2004
(บทความนี้บอกถึงเนื้อหาสำคัญบางส่วน)

สวัสดีค่ะ คอลัมน์  คนคอเล่า ค่ะ จะบอกเล่าเม้าท์มอยวรรณกรรม ทั้งนวนิยาย พ็อกเกตบุ้ค ภาพยนตร์ ซีรีส์ รวมทั้งการ์ตูน ที่ได้ดูมา อยากให้ถือว่าเป็นการเล่าสู่กันฟังมากกว่าการรีวิว เพราะเจตนารมย์ผู้เขียนตั้งใจว่าจะเล่ามากกว่า (จะพูดให้งงทำไม)

แรกทีเดียวคิดว่าว่าในฐานะที่ Write Now ฉบับแรกได้ฤกษ์เปิดตัว จะเขียนถึงเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการเริ่มต้นเสียหน่อย แต่ด้วยความประทับใจที่มีต่อหนังเรื่องนี้ จึงตัดสินใจว่า เอาเรื่องนี้แหละ

ใบปิดหนังและชื่อเรื่องทำให้คนสงสัยว่าเป็นหนังรักเลสเบี้ยนหรือเปล่า ความจริงมันคือหนังรักสามเส้าวัยรุ่นธรรมดาๆ นี่แหละ แต่ไม่ธรรมดาเป็นอย่างมาก

เรื่องย่อ
ฮานะ หลงรักหนุ่มรุ่นพี่ นามว่ามิยาโมโตะ อุบัติเหตุทำให้เขาความจำเสื่อมจำเธอไม่ได้ ฮานะจึงสวมรอยบอกว่าพวกเขาเป็นแฟนกัน เท่านั้นไม่พอ เมื่อมิยะสงสัยเรื่องราว ฮานะก็ลากอลิซเข้ามาร่วมวงลวงสมองหนุ่มรุ่นพี่ว่า เธอคือแฟนเก่าของเขา

พลอตง่ายๆ แต่ดึงดูดให้ติดตามว่า ท้ายที่สุดแล้ว ความทรงจำของมิยะโมโตะจะกลับมาหรือไม่ และถ้ารู้ความจริง เขาจะยังเลือกฮานะหรือเปล่า

เปิดเรื่องที่ฉากไปโรงเรียนสองสาวเพื่อนซี้ที่เดินผ่านอากาศเย็นเยือกของฤดูหนาว หนังแนะนำให้เรารู้จักกับ ฮานะผู้ซึ่งมีบุคลิกออกห้าวๆ มุ่งมั่น ส่วนอลิซมีอารมณ์ขันซนๆ กำลังเฝ้ามองชายหนุ่มคนหนึ่ง

เด็กสาวทั้งสองอยู่ในช่วงอายุวัยรุ่น เราจะได้มิตรภาพของเพื่อนซี้ เห็นการพูดคุยด้วยภาษาที่เข้าใจกันโดยเฉพาะ การกระทำอันไร้สาระเช่นนั่งรถไฟย้อนไปย้อนมาแทนที่จะไปโรงเรียน ล้วนแล้วแต่เป็นพฤติกรรมของวัยนักเรียนที่มักจะคิดและทำอะไรอย่างไม่มีเหตุผลเสมอ เมื่อความรักบังเกิดกับฮานะ เธอก็สนใจอยู่แต่กับคนที่ชอบ เริ่มจากถ่ายรูป ขึ้นรถไฟตาม พยายามตามติดเพื่อดูว่าในชีวิตประจำวันเขาทำอะไรบ้าง เข้าชมรมเดียวกัน จนได้รู้จักกับชายที่ชอบในที่สุด

กระทั่งเกิดอุบัติเหตุที่ทำให้เขาความจำเสื่อมและเธอเลือกโกหกเพื่อตอบรับคำขอของหัวใจ

แม้มิยะจะแคลงใจแต่ก็ไม่คัดค้าน ทั้งคู่ไปเดทกัน ทำกิจกรรมต่างๆ ด้วยกัน เมื่อเด็กสาวพยายามจะทำให้ตัวเองเป็นแฟนกับเขาด้วยการชวนมาที่บ้าน นี่เองที่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนของเรื่อง

เมื่อมิยะไปเห็นภาพถ่ายตัวเองในคอมพิวเตอร์ของฮานะ วันเวลาที่ถ่ายเกิดก่อนที่ฮานะจะบอกว่าเธอเป็นแฟนกับเขา นั่นแปลว่าฮานะโกหก?

แต่ฮานะผู้ซื่อตรง (ต่อหัวใจตนเอง) โบ้ยไปว่านั่นเป็นการกระทำของอลิซ และขยายความต่อไปอลิซเป็นแฟนเก่าของมิยะ (เธอไม่ซื่อสัตย์ต่อเพื่อนซี้)

เพียงเพื่อให้ตนเป็นฝ่ายถูก จึงใช้ไหวพริบเพื่อเราตัวรอด นั่นเป็นการกระทำของสมอง

ทว่า กลับกลายเป็นการกระตุ้นให้มิยะสงสัยมากขึ้นไปอีก

อลิซนั้นป็นเสมือนวัยรุ่นทั่วไปที่ยังค้นหาตัวตน เธอดีใจที่มีแมวมองมาทาบทามเข้าวงการรบันเทิง แต่เมื่อไปรับการสัมภาษณ์จริงๆ กลับบอกไม่ได้ว่าจุดมุ่งหมายชีวิตคืออะไร หรือแม้แต่คำถามว่าเธอมาที่นี่ทำไม ก็ตอบไม่ได้

เมื่อมีความรัก มักจะมาพร้อมความลับ อลิซแชร์ความสุขที่ได้จากการถูกทาบทาม แต่ฮานะไม่แชร์เรื่องหัวใจของเธอกับเพื่อนสนิท

อลิซยอมรับสมอ้างไปตามที่ฮานะขอ เรื่องก็น่าจะจบ แต่...ความสงสัยของมิยะทำให้หัวใจพาตัวเองไปใกล้เธออีก

เมื่ออลิซรู้จากฮานะว่า มิยะสูญเสียความทรงจำ เธอก็ตัดสินใจจะ ‘เล่นเกม’ ทบทวนความทรงจำของเขา ด้วยการแต่งเรื่องราวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ร้านค้าที่เธอได้บอกรักมิยะ หรือต้นไม้ที่ทั้งคู่เลยนัดเจอกัน มิยะได้เดินไปตามบทของอลิซโดยไม่รู้ว่านั่นเป็นสิ่งที่เธอโกหก เขาแค่รู้ว่า เขาจำอะไรไม่ได้เลย

อลิซเองก็เช่นกัน เธอไม่รู้ว่าตนเองได้พัฒนาความสัมพันธ์ของมิยะจากคนแปลกหน้า เป็นคนรู้จัก และสนิท

ทั้งฮานะและอลิศต่างก็ไม่มีพ่อ (ในเรื่องไม่ปรากฏตัวพ่อของฮานะ ส่วนอลิซพ่อกับแม่แยกทางกัน) การจะฝากหัวใจที่ชายหนุ่มสักคนเป็นเรื่องที่เด็กสาววัยรุ่นแสวงหา ฮานะเรียกมิยะว่ารุ่นพี่ตลอด และไม่พอใจที่อลิซตั้งชื่อเขาว่ามาร์ค

ฮานะให้ทั้งความเคารพและศรัทธาต่อชายที่เธอรัก แต่กลับประมาทในหัวใจของตัวเองและหัวใจของเพื่อน เมื่ออลิซที่ตอนแรกแค่สวมรอยเล่นบทแฟนเก่า กลับหลงรักมิยะไปด้วยถึงขนาดโกหกตอนเล่นเกมหาไพ่ว่าตนเองได้ใบเอซโพแดง เพียงเพื่อจะออกคำสั่งในฐานะผู้ชนะว่า มิยะต้องเป็นของเธอ

มิยะแสนซื่อ เมื่อเขาพูดว่าหัวใจเขาเต้นเมื่อคิดถึงอลิซ นั่นแปลว่ารักใช่ไหม แล้วทำไมเราเลิกกัน อลิซตอบไม่ได้

บทภาพยนตร์เขียนให้มิยะรู้ความจริงเพราะการประมวลความของตนเอง นั่นก็เป็นเพราะสมองของเขาสั่งการเนื่องจากความรู้สึกของหัวใจไม่คล้อยตามไปกับการเป็นแฟนกับฮานะนั่นเอง

ความซื่อสัตย์ในหัวใจของมิยะ แสดงออกมาตอนที่เขาถามว่าอลิซว่าฮานะโกหกใช่ไหม ลมหายใจผ่อนออกอย่างโล่งใจ แต่เมื่อถามว่า แสดงว่าเรื่องที่อลิซเป็นแฟนเก่าของเขาก็ไม่เคยเกิดขึ้นด้วยใช่ไหม สีหน้าเขากลับเจ็บปวดมาก

นั่นแปลว่าความรักที่มิยะมีให้อลิซเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น


เมื่อความจริงเฉลยออกมาว่าทั้งหมดคือเรื่องโกหก

มิยะคือคนที่เก็บได้เอซโพแดงคนนั้น เมื่ออลิซรู้ ถึงได้มีน้ำตา เสียใจที่ตนเองหลงรักผู้ชายของเพื่อน เธอเลือกบอกรักและบอกลา ด้วยภาษาจีนที่มิยะไม่เข้าใจ

ฮานะร้องไห้ เมื่อรู้ว่ามิยะรักอลิซแทนที่จะเป็นตัวเอง และเป็นเพื่อนสนิทที่ตนลากเข้ามาในปฏิบัติการนี้เอง เธอทำอะไรไม่ได้นอกจากจะอวยพรให้เขาอย่างเจ็บปวด

แต่...มิยะไม่กล่าวโทษฮานะ กลับบอกให้เธอขึ้นไปแสดงบนเวทีให้จบ แสดงว่าแท้จริงแล้ว ผู้ชายที่เราเห็นซื่อๆ หงิมๆ มาทั้งเรื่องเป็นผู้ใหญ่กว่าที่คิด เลือกให้กำลังใจกับการทำงานมากกว่าจะมาคิดเรื่องความรัก

และท้ายที่สุดแล้วคนที่มาดูการแสดงของฮานะเพียงคนเดียวนั่นคืออลิซนั่นเอง

ภาพสั้นๆ ในฉากนี้บอกให้เราเข้าใจในมิตรภาพของสองสาวได้ชัดเจน

ความรักจบลง แต่ชีวิตดำเนินต่อไป เมื่ออลิซได้โอกาสไปออดิชั่นอีกครั้ง (หลังจากที่พลาดมาอย่างงงๆ อยู่หลายครั้ง) หนนี้เธอมีโอกาสได้แสดงความสามารถเสียที

อลิซอาจจะไม่ได้เต้นเก่งกาจ แต่ท่าเต้นเธอมาจากหัวใจ มาจากความรักในบัลเล่ต์ ความเศร้าที่ต้องบอกลาชายที่รัก ความน้อยใจต่อพ่อกับแม่ รวมทั้งเพื่อนซี้ถูกปลดปล่อยไปกับการเต้น สีหน้าเธอมีความสุขในความเป็นตัวตนที่แท้จริง ฉากนี้แม้จะยาวร่วมห้านาที แต่ประทับใจ และทำให้หลงรัก อาโออิ ยู ผู้รับบทอลิซได้ไม่ยาก (แน่นอนผู้เขียนเองด้วย)

ชื่นชมการถ่ายภาพของตากล้องในฉากนี้มากๆ ถ่ายได้โดยไม่เห็นกางเกงในของหนูยูเลยแม้แต่น้อย (ฮา)

งานเล่าเรื่องสไตล์ญี่ปุ่นมักจะใช้ภาพ บางครั้งก็มีฉากที่อาจจะดูไม่มีความหมาย แต่กลับกลายเป็นเสมือนช่องว่างที่ทำให้คนดูได้ซึบซับบรรยากาศรอบตัวของเด็กสาวทั้งสองคน มากกว่าการลุยดะเล่าเรื่องไปอย่างรวบรัด

บางตอนไม่ได้มีบทสรุปกับฉากที่ใส่มา แต่อารมณ์ก็ไม่สะดุด เราได้เห็นภาพการเปลี่ยนผ่านฤดูกาลซึ่งเป็นความงดงามของประเทศญี่ปุ่น เช่น มีซากุระบานเต็มต้นในเส้นทางไปโรงเรียนของทั้งคู่ หรือการเต้นบัลเล่ต์ที่ทำให้เห็นถึงจริตกิริยาของสาวน้อยที่น่ารักสดใส

 การเขียนบทอย่างมีชั้นเชิงปรากฎให้เห็นในหลายๆ ฉาก นอกจากฉากคำถามของมิยะ (ที่ถามว่าเรื่องของอลิซกับเขาไม่เคยเกิดขึ้นใช่ไหม) แล้ว หนึ่งในนั้นที่ผู้เขียนชอบมาก คือฉากที่อลิซ เจอกับผู้หญิงคนหนึ่งขณะที่เธอกำลังซื้ออาหาร หญิงคนนั้นเป็นฝ่ายทักทายอลิซก่อน และบอกกับชายหนุ่มที่มาด้วยกันว่า

“นี่ฮานะ เด็กผู้หญิงที่อยู่ข้างบ้าน”

ชายหนุ่มรับรู้ แต่แล้วจู่ๆ หญิงคนนั้นก็บอกลาอลิซ บอกถึงสองครั้ง ในชั่วขณะที่อลิซ (และคนดู) กำลังงง อลิซก็กล่าวลา และเดินออกจากร้านไปทั้งที่ยังไม่ได้กินอาหาร

คำตอบอยู่ในฉากต่อมาเมื่อปรากฏว่าหญิงสาวคนนั้นเดินเข้ามาในบ้านขณะที่อลิซกำลังทำสุกี้ยากี้ บทสนทนาทำให้เรารู้ว่าเธอเป็นแม่อลิซ และรู้ต่อไปว่าผู้ชายคนนั้นคือคนที่แม่กำลังคบหาอยู่ ซึ่งแม่ไม่ต้องการให้รู้ว่า อลิซเป็นลูกสาว

สิ่งนี้คนดูอาจจะเดาได้ แต่ที่เหนือไปกว่านั้น คือ ประโยคที่โกหกว่า ฮานะคือเด็กผู้หญิงที่อยู่ข้างบ้าน ทำให้เรารู้ถึงความสัมพันธ์ของฮานะกับอลิซได้โดยทันที ซึ่งตั้งแต่ต้นเรื่องมาหนังไม่ได้บอกว่าเด็กผู้หญิงทั้งสองคนเพื่อนบ้านกัน มีแค่ฉากที่ทั้งสองไปโรงเรียนด้วยกันเท่านั้น

ฉากเหล่านี้กินเวลาราวๆ หนึ่งนาทีเท่านั้น ทว่ากลับบอกเล่าเรื่องราวได้ชัดเจนและแนบเนียน เช่นเดียวกับฉากที่อลิซเดินเที่ยวกับชายวัยกลางคนผู้หนึ่ง โปรยความสงสัยให้คนดูว่าเขาเป็นใคร กระทั่งอลิซจะแยกจากชายคนนั้นและเอ่ยเรียกเขาว่า ‘คุณพ่อ’ เราถึงได้รู้

และยังมีฉากน่ารักอย่างตอนที่ มิยะถามอลิซว่าตอนที่เป็นแฟนกันเธอเรียกเขาว่าอะไร อลิซยังไม่รู้จักชื่อมิยะแกล้งสวมวิญญาณหมอดูกะทันหันขอให้มิยะเขียนชื่อ แล้วก็ฉวยจังหวะนั้นบอกเขาว่า เธอเรียกเขาว่า มาร์ค เป็นฉากที่ทำให้เห็นถึงนิสัยทะเล้นน่ารักของอลิซได้อย่างดี ขณะที่ฮานะเป็นสาวบุคลิกพุ่งและมุ่งมั่นกว่า

ท่วงท่าที่อลิซกำลังกินเค้กและยกมือปรามมิยะเป็นการแสดงของยู อาโออิ ที่ช่างเนียนตา เช่นเดียวกับฉากร้องไห้เพราะผิดหวังของฮานะขณะที่มิยะผูกโอบิให้นั้นก็ดูน่าสงสารและทำให้ผู้เขียนเองที่เทใจในอลิซในตอนแรกก็น้ำตาซึมตาม

 

 การเขียนบทอย่างมีชั้นเชิงปรากฎให้เห็นในหลายๆ ฉาก นอกจากฉากคำถามของมิยะ (ที่ถามว่าเรื่องของอลิซกับเขาไม่เคยเกิดขึ้นใช่ไหม) แล้ว หนึ่งในนั้นที่ผู้เขียนชอบมาก คือฉากที่อลิซ เจอกับผู้หญิงคนหนึ่งขณะที่เธอกำลังซื้ออาหาร หญิงคนนั้นเป็นฝ่ายทักทายอลิซก่อน และบอกกับชายหนุ่มที่มาด้วยกันว่า

“นี่ฮานะ เด็กผู้หญิงที่อยู่ข้างบ้าน”

ชายหนุ่มรับรู้ แต่แล้วจู่ๆ หญิงคนนั้นก็บอกลาอลิซ บอกถึงสองครั้ง ในชั่วขณะที่อลิซ (และคนดู) กำลังงง อลิซก็กล่าวลา และเดินออกจากร้านไปทั้งที่ยังไม่ได้กินอาหาร

คำตอบอยู่ในฉากต่อมาเมื่อปรากฏว่าหญิงสาวคนนั้นเดินเข้ามาในบ้านขณะที่อลิซกำลังทำสุกี้ยากี้ บทสนทนาทำให้เรารู้ว่าเธอเป็นแม่อลิซ และรู้ต่อไปว่าผู้ชายคนนั้นคือคนที่แม่กำลังคบหาอยู่ ซึ่งแม่ไม่ต้องการให้รู้ว่า อลิซเป็นลูกสาว

สิ่งนี้คนดูอาจจะเดาได้ แต่ที่เหนือไปกว่านั้น คือ ประโยคที่โกหกว่า ฮานะคือเด็กผู้หญิงที่อยู่ข้างบ้าน ทำให้เรารู้ถึงความสัมพันธ์ของฮานะกับอลิซได้โดยทันที ซึ่งตั้งแต่ต้นเรื่องมาหนังไม่ได้บอกว่าเด็กผู้หญิงทั้งสองคนเพื่อนบ้านกัน มีแค่ฉากที่ทั้งสองไปโรงเรียนด้วยกันเท่านั้น

ฉากเหล่านี้กินเวลาราวๆ หนึ่งนาทีเท่านั้น ทว่ากลับบอกเล่าเรื่องราวได้ชัดเจนและแนบเนียน เช่นเดียวกับฉากที่อลิซเดินเที่ยวกับชายวัยกลางคนผู้หนึ่ง โปรยความสงสัยให้คนดูว่าเขาเป็นใคร กระทั่งอลิซจะแยกจากชายคนนั้นและเอ่ยเรียกเขาว่า ‘คุณพ่อ’ เราถึงได้รู้

และยังมีฉากน่ารักอย่างตอนที่ มิยะถามอลิซว่าตอนที่เป็นแฟนกันเธอเรียกเขาว่าอะไร อลิซยังไม่รู้จักชื่อมิยะแกล้งสวมวิญญาณหมอดูกะทันหันขอให้มิยะเขียนชื่อ แล้วก็ฉวยจังหวะนั้นบอกเขาว่า เธอเรียกเขาว่า มาร์ค เป็นฉากที่ทำให้เห็นถึงนิสัยทะเล้นน่ารักของอลิซได้อย่างดี ขณะที่ฮานะเป็นสาวบุคลิกพุ่งและมุ่งมั่นกว่า

ท่วงท่าที่อลิซกำลังกินเค้กและยกมือปรามมิยะเป็นการแสดงของยู อาโออิ ที่ช่างเนียนตา เช่นเดียวกับฉากร้องไห้เพราะผิดหวังของฮานะขณะที่มิยะผูกโอบิให้นั้นก็ดูน่าสงสารและทำให้ผู้เขียนเองที่เทใจในอลิซในตอนแรกก็น้ำตาซึมตาม


เล็กๆ น้อยๆ 
  • ชื่อ Alice มาจาก นามสกุล Arisugawa Tetsuko คนญี่ปุ่นมักเรียกนามสกุล และตั้งชื่อเล่นจากนามสกุล เช่นเดียวกับชื่อ Miya ที่มาจาก Miyamoto Masashi
  • The Case of Hana & Alice : ฮานะ & อลิซ ปริศนาโรงเรียนหลอน เป็นเรื่องที่เล่าย้อนไปถึงช่วงที่ฮานะกับอลิซได้รู้จักกันเป็นครั้งแรก โดยทำเป็นการ์ตูนออกฉายปี ค.ศ. 2015 เป็นผลงานภาพยนตร์ขนาดยาวเรื่องแรกในรอบ 10 ปีของผู้กำกับชุนจิ อิวาอิ ซึ่งเรื่องสุดท้ายที่เขากำกับก็คือ Hana & Alice นั่นเอง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad

Responsive Ads Here

Pages